แนวข้อสอบประมวลรัษฎากร
1. แดง ไปเสียภาษีอากร ณ ที่ว่าการอำเภอ การเสียภาษีอากรของแดงดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อใด
ก. เมื่อจ่ายเงินภาษีอากรให้กับเจ้าหน้าที่
ข. เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินเรียบร้อยแล้วแต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ลงลายมือชื่อ
ค. เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินเรียบร้อยพร้อมกับเจ้าหน้าที่ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว
ง. เมื่อแดงลงลายมือชื่อในใบเสร็จรับเงินว่าได้จ่ายภาษีอากรแล้ว
ตอบ ค.เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินเรียบร้อยพร้อมกับเจ้าหน้าที่ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว
2. เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษีอากรใครมีอำนาจเข้าไปหรือออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานสรรพกรเข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใดเพื่อทำการตรวจค้น ยึดหรืออายัดบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่น
ก. อธิบดี ข. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ค. สรรพากรเขต ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
3. การตรวจสอบและการรับรองบัญชีของบุคคลจะกระทำได้จะต้องได้รับใบอนุญาตจากใคร
ก. อธิบดี ข. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ค. สรรพากรเขต ง. นายอำเภอ
ตอบ ก.อธิบดี
4. ผู้ใดรู้อยู่แล้วไม่อำนวยความสะดวกหรือขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำหน้าที่เพื่อทำการตรวจค้นยึดหรืออายัดบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นที่เกี่ยวกับการเสียภาษีอากร จะต้องมีโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกิน 3,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ข.ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
5. ผู้รักษาการตามประมวลรัษฎากรคือใคร
ก. นายกรัฐมนตรี ข. อธิบดี
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ตอบ ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
6. คนต่างด้าวซึ่งจะเดินทางออกจากประเทศไทยจะต้องยื่นคำร้องตามแบบที่อธิบดีกำหนดเพื่อขอรับใบผ่านภาษีอาการภายในกำหนดเวลาเท่าใด
ก. ไม่เกิน 15 วันก่อนออกเดินทาง ข. ไม่เกิน 30 วันก่อนออกเดินทาง
ค. ไม่เกิน 7 วันก่อนออกเดินทาง ง. ไม่เกิน 10 วันก่อนออกเดินทาง
ตอบ ก.ไม่เกิน 15 วันก่อนออกเดินทาง
7. กรณีที่คนต่างด้าวผู้ใดไม่ยื่นคำร้องขอรับใบผ่านภาษีอากรหรือยื่นคำร้องแล้วแต่ยังไม่ได้รับใบผ่านภาษีอากรเดินทางออกจากประเทศไทย ให้คนต่างด้าวผู้นั้นเสียเงินเพิ่มร้อยละเท่าใดของเงินเสียภาษีอากร
ก. ร้อยละ 20 ข. ร้อยละ 30
ค. ร้อยละ 40 ง. ร้อยละ 50
ตอบ ก.ร้อยละ 20
8. ใบผ่านภาษีอากรให้มีอายุใช้ได้กี่วันนับแต่วันออก
ก. 5 วัน ข. 7 วัน
ค. 15 วัน ง. 20 วัน
ตอบ ค.15 วัน
9. คนต่างด้าวผู้ใดเดินทางออกจากประเทศไทยโดยไม่มีใบผ่านภาษีอากรต้องระวางโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
ข. ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
ค. ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
ง. ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
ตอบ ง.ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
10. อธิบดีมีอำนาจเปิดเผยรายละเอียดใดต่อไปนี้เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร
ก. ชื่อผู้เสียภาษีอากรและจำนวนภาษีอากรที่เสีย
ข. ชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกประเมินเพิ่มเติมของผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้น
ค. ชื่อผู้สอบบัญชีและพฤติการณ์ของผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
11. ถ้าผู้เสียภาษีอากรต้องการขอใบเสร็จที่เจ้าพนักงานได้ออกให้ไปแล้ว ให้ขอรับได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ โดยเสียค่าธรรมเนียมฉบับละเท่าใด
ก. ฉบับละ 1 บาท ข. ฉบับละ 5 บาท
ค. ฉบับละ 50 สตางค์ ง. ฉบับละ 25 สตางค์
ตอบ ค.ฉบับละ 50 สตางค์
12. สรรพกรจังหวัดมีอำนาจตามข้อใด
ก. ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำระภาษีอากรค้างและบุคคลใดๆที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาให้ถ้อยคำ
ข. สั่งบุคลดังกล่าวให้นำบัญชีเอกสาร หรือหลักฐานอื่นอันจำเป็นแก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาตรวจสอบ
ค. ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานสรรพากรทำการตรวจค้นหรือยึดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นของบุคคลดังกล่าว
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
13. ใครคือประธานในคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร
ก. อธิบดีกรมสรรพกร ข. ปลัดกระทรวงการคลัง
ค. อธิบดีกรมศุลกากร ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ตอบ ข.ปลัดกระทรวงการคลัง
14. คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
ตอบ ข. 3 ปี
15. คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อใด
ก. ตาย ข. ลาออก
ค. รัฐมนตรีให้ออก ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
16. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร
ก. ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำระภาษีอากรค้างและบุคคลใดๆที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาให้ถ้อยคำ
ข. กำหนดขอบเขตในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินและพนักงานเจ้าหน้าที่
ค. วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่สรรพากรขอความเห็น
ง. ให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะแก่รัฐมนตรีในการจัดเก็บภาษีอากร
ตอบ ก. ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำระภาษีอากรค้างและบุคคลใดๆที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาให้ถ้อยคำ
17. ในกรณีเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้เสียภาษี บุคคลผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องชำระภาษีนั้นพร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ ภายในกี่วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน
ก. 20 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
18. เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ยื่นรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์และออกหมายเรียกพยานกับสั่งให้ผู้ยื่นรายการหรือพยานนั้นนำบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดงได้แต่ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่ากี่วันนับแต่วันส่งหมาย
ก. 3 วัน ข. 5 วัน
ค. 7 วัน ง. 14 วัน
ตอบ ค. 7 วัน
19. จากข้อ 18 การออกหมายเรียกดังกล่าวจะต้องกระทำภายในเวลาเท่าใดนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ
ก. 1 ปี ข. 2 ปี
ค. 3 ปี ง. 4 ปี
ตอบ ข. 2 ปี
20. กรณีปรากฏหลักฐานหรือเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ยื่นรายการมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากรหรือเป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากร อธิบดีจะอนุมัติให้ขยายเวลาการออกหมายเรียกดังกล่าวเกินกว่า 2 ปีก็ได้ แต่ต้องไม่เกินกี่ปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ
ก. 5 ปี ข. 4 ปี
ค. 3 ปี ง. 2 ปี
ตอบ ก. 5 ปี
21. บุคคลใดไม่เสียหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลาเกี่ยวกับภาษีอากรประเมินให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละเท่าใดต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่งโดยไม่รวมเบี้ยปรับ
ก. ร้อยละ 3 ข. ร้อยละ 2
ค. ร้อยละ 1.5 ง. ร้อยละ 1
ตอบ ค. ร้อยละ 1.5
22. ในกรณีอธิบดีอนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาชำระหรือนำส่งภาษีและได้มีการชำระหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดที่ขยายได้นั้น เงินเพิ่มลดลงเหลือร้อยละเท่าใดต่อเดือนหรือเศษของเดือน
ก. ร้อยละ 0.5 ข. ร้อยละ 1
ค. ร้อยละ 0.25 ง. ร้อยละ 0.75
ตอบ ง. ร้อยละ 0.75
23. การขอคืนภาษีอากรและภาษีที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่าย และนำส่งแล้วเป็นจำนวนเงินเกินกว่าที่ควรต้องเสียภาษี หรือที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในกี่ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกำหนด
ก. 1 ปี ข. 2 ปี
ค. 3 ปี ง. 4 ปี
ตอบ ค. 3 ปี
24. ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่อำเภอมีหน้าที่ประเมินให้อุทธรณ์การประเมินของอำเภอต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในกำหนดกี่วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน
ก. 10 วัน ข. 15 วัน
ค. 25 วัน ง. 30 วัน
ตอบ ข. 15 วัน
25. ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่อำเภอไม่มีหน้าที่ประเมินให้อุทธรณ์ภายในกำหนดกี่วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน
ก. 10 วัน ข. 15 วัน
ค. 25 วัน ง. 30 วัน
ตอบ ง. 30 วัน
26. ถ้าเจ้าพนักงานประเมินผู้ทำการประเมินมีสำนักงานอยู่ในเขตจังหวัดพระนครหรือจังหวัดธนบุรี ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งประกอบด้วย
ก. อธิบดีหรือผู้แทน ข. ผู้แทนกรมอัยการ
ค. ผู้แทนกรมมหาดไทย ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
27. ถ้าเจ้าพนักงานประเมินผู้ทำการประเมินมีสำนักงานอยู่ในเขตจังหวัดอื่น ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งประกอบด้วย
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทน ข. สรรพากรเขตหรือผู้แทน
ค. อัยการจังหวัดหรือผู้แทน ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
28. ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จหรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรต้องระวางโทษอย่างไร
ก. จำคุกตั้งแต่ 1 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ข. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ค. จำคุกตั้งแต่ 2 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ง. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ตอบ ง. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
29. ผู้ใดโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกันหลีกเลี่ยงหรือพยายาม
หลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรต้องระวางโทษอย่างไร
ก. จำคุกตั้งแต่ 1 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ข. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ค. จำคุกตั้งแต่ 2 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ง. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
ตอบ ง. จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
30. ผู้ใดเจตนาละเลย ไม่ยื่นรายการที่ต้องยื่นตามลักษณะนี้เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ต้องระวางโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ
ข. ปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ
ค. ปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ
ง. ปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ
ตอบ ง. ปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ